FAIRTEX MUAYTHAI SCHOOL พลิกโฉมมวยไทยจากเวทีพื้นบ้าน สู่ระบบการศึกษามาตรฐานโลก
FAIRTEX MUAYTHAI SCHOOL
พลิกโฉมมวยไทยจากเวทีพื้นบ้าน สู่ระบบการศึกษามาตรฐานโลก


เรื่องราวของ “นายพลวัสน์ อัครนพรักษา” ผู้บริหารรุ่นใหม่ เจ้าของรางวัล “ปูชนียบุคคล บุคคลแห่งชาติ ปี 2568”
ในวันที่สังคมโลกกำลังขับเคลื่อนด้วย Soft Power หลายประเทศเลือกใช้วัฒนธรรมของตนเป็นกลไกสำคัญ แต่กับประเทศไทย—มวยไทยกลับเป็นมรดกวัฒนธรรมสำคัญที่ยังต้องการคนกลุ่มหนึ่งลุกขึ้นมาพิสูจน์ว่า “มวยไทยไม่ใช่แค่กีฬา…แต่นี่คืออาชีพ อนาคต และศักดิ์ศรีของคนไทย”

หนึ่งในบุคคลที่ผลักดันเส้นทางนี้อย่างจริงจังคือ นายพลวัสน์ อัครนพรักษา ผู้บริหาร Fairtex Muaythai School ผู้เดินหน้าผลักดันมวยไทยเข้าสู่ระบบการศึกษาสมัยใหม่อย่างเป็นรูปธรรม จนได้รับการประกาศเกียรติคุณเป็น “ปูชนียบุคคล บุคคลแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ประจำปี 2568” โดยกระทรวงศึกษาธิการ และสมาคมส่งเสริมการศึกษาทางไกล (ประเทศไทย)
นี่ไม่ใช่เรื่องของรางวัลเพียงหนึ่งรางวัล
แต่นี่คือเรื่องราวของการเปลี่ยนมุมมองของสังคมทั้งระบบ

จากภาพจำเดิมๆ สู่ความฝันที่จะ “ยกระดับคุณค่าคนวงการมวยไทย”
นายพลวัสน์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นอย่างตรงไปตรงมาว่า
แม้มวยไทยจะโด่งดังไปทั่วโลก แต่ในสังคมไทยกลับยังมีอคติว่า
นักมวยมักมาจากครอบครัวที่ยากจน
ไม่ได้รับการศึกษาที่ดี
อาชีพนักมวยไม่มั่นคง
เป็นงานที่เสี่ยง ไม่ได้รับการยอมรับ

“ภาพเหล่านี้ทำให้คนจำนวนมากมองมวยไทยต่ำกว่าที่ควรจะเป็น” เขากล่าว
และนั่นคือจุดที่ทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นมาพิสูจน์ว่า
มวยไทยสามารถเป็นอาชีพที่มั่นคง เป็นที่ยอมรับ และสร้างรายได้อย่างเหมาะสมได้จริง
การสร้าง “ความเชื่อใหม่” ให้สังคม ย่อมต้องมีต้นแบบ และ Fairtex Muaythai School จึงก่อกำเนิดขึ้นเพื่อทำหน้าที่นั้น
เส้นทางที่ต้องเดินคนเดียว “ภาคเอกชนต้องสร้างเองทุกขั้นตอน”
เบื้องหลังความสำเร็จที่เห็นวันนี้ คือการทำงานหนักหลายปีโดยไม่มีภาครัฐสนับสนุน สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการสร้าง “หลักสูตรมวยไทยมาตรฐานทางการศึกษา” ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยมีต้นแบบในประเทศไทยมาก่อน
นายพลวัสน์ต้องเขียนหลักสูตรเองทั้งหมด ตั้งแต่:
โครงสร้างการเรียนรู้
มาตรฐานทักษะ
การวัดผล
วิชาศิลปะวัฒนธรรม
จริยธรรมและวินัยของนักกีฬา
การสร้างเส้นทางอาชีพในอนาคต

ทุกบท ทุกหน่วย เขาทำด้วยตัวเอง — จากประสบการณ์ตรงในวงการมวยไทย จนกลายเป็นหลักสูตรที่ได้รับการรับรองจากกระทรวงศึกษาธิการ
“เหนื่อยมาก แต่ภูมิใจที่สุด เพราะนี่คือก้าวสำคัญของวงการมวยไทยทั้งประเทศ”
มวยไทย—จากวัฒนธรรมพื้นบ้าน สู่ Soft Power ไทยที่ทั่วโลกจับตา
Fairtex Muaythai School ไม่เพียงถ่ายทอดศิลปะมวยไทย
แต่ทำให้เยาวชน “เข้าใจความเป็นไทยตัวจริง” ตั้งแต่รากเหง้า:
ไหว้ครู
ศิลปะแม่ไม้มวยไทย
บทบาททางประวัติศาสตร์
จริยธรรมความเป็นนักกีฬา
การสืบทอดวัฒนธรรมสู่สากล

การบ่มเพาะนี้ทำให้เด็กของ Fairtex ไม่เพียงเก่งด้านกีฬา แต่ยังรู้จัก “ความเป็นไทย” อย่างแท้จริง จนหลายคนกลายเป็นตัวแทนนำวัฒนธรรมไทยไปสู่เวทีต่างประเทศ
วันนี้สถาบันได้รับการยกย่องในระดับนานาชาติว่าเป็นหนึ่งในโมเดลการศึกษามวยไทยที่ดีที่สุดของเอเชีย
เปิดโอกาสให้เด็กต่างจังหวัดมีเวที เพื่อเปลี่ยนชีวิตได้จริง
หนึ่งในความตั้งใจสำคัญ คือการช่วยเหลือเด็กที่มีความสามารถแต่ขาดโอกาส
เด็กจำนวนไม่น้อยจากจังหวัดเล็กๆ ได้ก้าวเข้าสู่ Fairtex
และได้รับโอกาส:
ฝึกกับครูมวยมืออาชีพระดับประเทศ
เรียนภายใต้หลักสูตรที่เป็นมาตรฐาน
เข้าร่วมการแข่งขันจริง
มีเวทีถ่ายทอดสดให้คนทั่วโลกได้ชม
มีรายได้สามารถเลี้ยงครอบครัวได้
มีเด็กหลายคนที่เคยยากจน แต่วันนี้กลายเป็นนักมวยอาชีพระดับสากล—ทั้งหมดเกิดจากการเปิดพื้นที่ให้พวกเขามี “เวทีเป็นของตัวเอง”
—
ขยายสาขาสู่ทั่วประเทศ และเตรียมก้าวไปต่างประเทศใน 3–5 ปี
Fairtex Muaythai School เดินหน้าเป็นสถาบันต้นแบบ
และพร้อมเปิดสาขาใหม่ทั่วประเทศไทย รวมถึงต่างประเทศ เพื่อรองรับการเติบโตเชิงระบบของมวยไทยในระดับนานาชาติ
โรงเรียนมีเวทีแข่งขันถ่ายทอดสดทั่วโลก พร้อมผลักดันให้นักเรียนสร้างชื่อเสียงและรายได้ที่มั่นคง ไม่แพ้อาชีพอื่น
นี่คือความตั้งใจของนายพลวัสน์—
“มวยไทยจะไม่ใช่แค่วัฒนธรรม แต่จะเป็นอาชีพระดับโลกของคนไทย”
รางวัลนี้ คือกำลังใจ และคือบทพิสูจน์
การได้รับรางวัล “ปูชนียบุคคล บุคคลแห่งชาติ ปี 2568” ไม่เพียงเป็นเกียรติยศสำหรับตัวเขา แต่คือรางวัลสำหรับทุกคนในวงการมวยไทย
มันคือการประกาศให้สังคมเห็นว่า:
มวยไทยคือศิลปะที่มีคุณค่า
มวยไทยคืออาชีพที่ยั่งยืน
มวยไทยคือ Soft Power ที่สร้างรายได้ระดับประเทศ
และประเทศไทยมีสถาบันการศึกษาที่พัฒนามวยไทยอย่างจริงจัง
> “รางวัลนี้ไม่ใช่ของผมคนเดียว แต่มันเป็นของครูมวยทุกคน เด็กทุกคน และผู้ที่ศรัทธาในมวยไทย เราจะผลักดันมวยไทยให้คนทั้งโลกยอมรับไปด้วยกัน”
มวยไทยบนเส้นทางใหม่—เส้นทางที่สร้างอนาคตได้จริง
Fairtex Muaythai School คือมิติใหม่ของการศึกษากีฬาไทย
ไม่ใช่แค่โรงเรียน ไม่ใช่แค่สนามมวย
แต่คือสถาบันที่วางรากฐานให้มวยไทยกลายเป็นอาชีพและอัตลักษณ์ไทยระดับโลก
และนี่คือเรื่องราวของผู้นำที่ทุ่มเท ชัดเจน และเดินหน้าต่อไปเพื่ออนาคตของวงการมวยไทยไทยทั้งระบบ

