“ศัลยกรรมความงาม” กับการโฆษณาและจริยธรรมแพทย์
“ศัลยกรรมความงาม” กับการโฆษณาและจริยธรรมแพทย์
ตลาดศัลยกรรมความงามในปัจจุบันเป็นอย่างไร
นพ.ธนัญชัย อัศดามงคล แพทย์เฉพาะทางด้านศัลยกรรมตก และผู้อำนวยการศูนย์ศัลยกรรมความงามโรงพยาบาลบางมด กล่าวว่า ในปัจจุบัน “ศัลยกรรม” เป็นสิ่งที่ทั่วโลกยอมรับและเป็นที่นิยมมาก มองไปทางไหนก็จะเห็นแต่คนสวย คนหล่อ ดูดี พร้อมทั้งมีโรงพยาบาลและคลินิก สถานเสริมความงามต่าง ๆ ถือกำเนิดขึ้นหลายแห่ง ด้วยเทคนิคของการทำศัลยกรรมที่ไม่ยุ่งยากและตอบโจทย์ได้มากขึ้น ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน ผู้คนสามารถมาทำศัลยกรรมและกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ ดูแลตัวเองที่บ้านได้ โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อการทำงาน
จึงทำให้ตลาดศัลยกรรมความงาม คึกคักเกินความคาดหมายในทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย โดยประเภทศัลยกรรมที่คนนิยม ได้แก่ ศัลยกรรมจมูก, ศัลยกรรมตา, ศัลยกรรมดึงหน้า, ศัลยกรรมเสริมหน้าอก, ศัลยกรรมเสริมสะโพก-ก้น, ศัลยกรรมยกกระชับหน้าท้อง, ดูดไขมัน และประเภทฉีด ได้แก่ โบท็อกซ์, ฟิลเลอร์, PRP และฉีดไขมัน เพื่อปรับรูปหน้า ให้สวย และดูอ่อนเยาว์
รูปเเบบการตลาด การโฆษณา ของวงการศัลยกรรมเป็นแบบใด
ด้วยรูปแบบของการตลาดในวงการศัลยกรรมมีการแข่งขันที่สูงมาก เช่น การรีวิวด้วยรูปภาพก่อนและหลังทำศัลยกรรม การทำโฆษณาโดยใช้รูปภาพหรือข้อมูลที่เกินจริง หรือแม้กระทั่งการแนะนำหรือปิดการขายอย่างรวดเร็ว โดยที่ไม่ได้ข้อมูลทางการแพทย์ประกอบการตัดสินใจอย่างถูกต้องและเพียงพอ สิ่งเหล่านี้อาจส่งผลให้เกิดผลลัพธ์ของการทำศัลยกรรมที่ไม่ตรงใจ หรือเกิดความเข้าใจที่ผิดพลาด ที่ทำให้เหมือนมุ่งเน้นในเชิงธุรกิจเป็นหลัก
3. สิ่งสำคัญที่ศัลยเเพทย์ ควรให้ความคำนึงถึง
สิ่งสำคัญที่จะทำให้วงการศัลยกรรมความงามของประเทศไทยพัฒนาไปในทางที่ถูกต้อง คือ การเปลี่ยนมุมมอง จาก “ธุรกิจ” สู่ “การรักษาทางการแพทย์” เน้นย้ำเรื่อง “จริยธรรมแพทย์” จรรยาบรรณและความรับผิดชอบที่ศัลยแพทย์ควรมีมากกว่าการมุ่งแต่ผลตอบแทนทางธุรกิจ ด้วยการให้ข้อมูลตามความเป็นจริง อธิบายข้อดี-ข้อเสียและโอกาสเกิดผลแทรกซ้อนทั้งหมดอย่างละเอียด เน้นให้มีการเข้าพบศัลยแพทย์เพื่อตรวจวิเคราะห์โครงสร้างตามหลักการแพทย์ก่อนการทำ ซึ่งถือเป็นการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เกิดความปลอดภัย และเกิดประโยชน์อย่างแท้จริง
4. แนวทางการพัฒนา
สำหรับแนวทางการพัฒนาเพื่อเปลี่ยนจากการพัฒนาเชิงธุรกิจเป็นการพัฒนาเชิงการแพทย์ หลักสำคัญคือการพัฒนาฝีมือศัลยแพทย์ ให้มีความสามารถที่มากขึ้น สนับสนุนให้จบเฉพาะทาง เพื่อการพัฒนาเทคนิคการผ่าตัดและมาตรฐานทางการแพทย์ให้สูงขึ้น รวมถึงจัดให้มีงานประชุมทางวิชาการที่มากขึ้น เพื่อการพัฒนาความรู้และต่อยอด ให้ศัลยแพทย์ได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์และแสดงฝีมือให้เป็นที่ยอมรับอย่างแท้จริง
พร้อมกันนี้สำหรับแนวทางการตลาดหรือโฆษณา เพื่อการตอกย้ำความน่าเชื่อถือของสถานพยาบาล อาจทำได้โดยการสร้าง Corporate Brand ให้เป็นที่รู้จักอย่างต่อเนื่องในแบรนด์เดิมที่เป็นที่รู้จักอยู่แล้ว และสร้างให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นในแบรนด์เปิดใหม่ รวมทั้งการทำ Personal Brand เพื่อแนะนำและสร้างความน่าเชื่อถือให้ศัลยแพทย์เป็นที่รู้จักในประสบการณ์เฉพาะทาง เพราะปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการตัดสินใจในการเลือกรับบริการนอกจากชื่อเสียง ความปลอดภัยของสถานพยาบาลแล้ว ความน่าเชื่อถือของศัลยแพทย์และผลงานที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญหลัก ที่สร้างความน่าเชื่อถือและความจงรักภักดีของผู้เข้ารับบริการ ทำให้เกิดการบอกต่อถึงผลลัพธ์ที่ดี เป็นการเพิ่มฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น พร้อมทั้งรักษาฐานลูกค้าเดิม ให้กลับมาใช้บริการซ้ำได้อย่างอบอุ่นใจและอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง
นอกจากนี้การปรับตัวของสถานพยาบาล เพื่อให้เข้ากับรูปแบบการสื่อสารยุคใหม่ ที่เน้นออนไลน์เป็นหลัก “Content” หรือเนื้อหาที่นำเสนอไปสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องผลิต Content ให้เข้าถึงและตอบโจทย์ได้อย่างง่ายดายในทุกแพลตฟอร์ม แต่สิ่งสำคัญคือยังคงเน้นย้ำ “จริยธรรมแพทย์” ที่ต้องให้ข้อมูลอย่างถูกต้องตามหลักการแพทย์ รวมทั้งการทำหัตถการที่ดี ปลอดภัย ติดตามอาการอยู่เสมอ เพื่อมาตรฐานและคุณภาพที่ดีอย่างต่อเนื่อง พร้อมสร้างประสบการณ์ของการทำศัลยกรรมที่น่าประทับใจ เพื่อให้การทำศัลยกรรมเป็นเหมือนของขวัญในชีวิต ที่เติมเต็มและสร้างความมั่นใจให้ได้อย่างแท้จริง นพ.ธนัญชัย กล่าวสรุป