หมอแยม พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ที่ทำได้จริง

หมอแยม พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ที่ทำได้จริง

“หมอจะเป็นด่านแรกในการปรึกษา เพื่อการรักษาที่ตรงจุด ไม่มีพนักงานขายของ เพื่อประโยชน์ของคนไข้มากที่สุด ทั้งเรื่องของการได้รับผลลัพธ์ทันที และไม่สิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ” เรียกว่า เป็นนิยามของ “หมอแยม” หรือ พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร กับการทุ่มเทการรักษาดูแลคนไข้ หรือแม้แต่ผู้ที่เข้ามาปรึกษาด้านความงาม อย่างเต็มความสามารถ ไม่ใช่การมุ่งเน้นทำธุรกิจ
เดินขึ้นมาบนชั้น 2 ของอาคารฟิฟตี้ฟิฟทองหล่อ ติดหน้าถนนทองหล่อซอย 2 ก็จะพบ THOMAS CLINIC (โทมัส คลินิก) สถานที่ทำงานของหมอแยม ซึ่งแค่เห็นชื่อคลินิก ก็รู้สึกเห็นถึงความแตกต่างแบบไม่ซ้ำใครแล้ว ยิ่งเดินเข้ามาในคลินิก ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด หมอแยม เล่าให้ฟังว่า เหตุผลที่ตั้งชื่อคลินิกแบบนี้ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งที่เข้ามาใช้บริการนั้น เป็นผู้ชาย “ลูกค้าเกือบครึ่งหนึ่งของคลินิก เป็นผู้ชายแท้ๆ ซึ่งตอนที่คิดจะเปิดคลินิกนี้ เลยอยากได้ชื่อที่ลูกค้าผู้ชายของเรารู้สึกสบายใจด้วยที่จะเข้ามาใช้บริการ”


“ขณะเดียวกัน คลินิกเสริมความงามของเรา ก็ไม่ใช่คลินิกที่เน้นคอร์สนวดหน้า ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาด้วยการฉีดเป็นหลักและบำรุงจากภายใน เช่นบางรายมีปัญหาเรื่องเส้นผม หรือ ปัญหาผิวหน้าหย่อนคล้อย บ้างก็มีปัญหาข้อเข่า เราก็จะมีบริการดูแล และหาสาเหตุอาการแต่ละจุดตามที่ลูกค้าต้องการเป็นรายบุคคล เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ของการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและเห็นผลจริง”
จะว่าไปแล้ว วันนี้ผู้ชายจำนวนไม่น้อยได้หันมาให้ความสนใจเรื่องของความงามไม่ต่างจากผู้หญิง “ยิ่งเป็นผู้ชายในแวดวงธุรกิจ แล้ว ทำให้เขาเห็นความสำคัญในเรื่องภาพลักษณ์บริษัท หรือ ธุรกิจที่ทำอยู่หรือ บางราย ผู้หญิงสวยๆ ก็มักจะพาแฟน หรือ สามี มารับบริการ เพื่อให้ดูดีเหมือนกัน” ส่วนวิธีการดูแลด้านความงามของผู้ชาย หมอแยม เล่าว่า แตกต่างไปจากผู้หญิง “ผู้ชายบางคน อาจมีริ้วรอยแห่งวัย ก็อยากจะให้เราช่วยรักษาให้ริ้วรอยลดลง อาจไม่ต้องให้ถึงกับหายไปเลย แต่ให้ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องทำเยอะเหมือนผู้หญิง บางคนมาด้วยปัญหาใบหน้าหย่อนคล้อย เราก็จะช่วยยกกระชับใบหน้าให้ ทำให้ไม่เพียงลูกค้าจะรู้สึกใบหน้ากระชับเท่านั้น แต่ยังได้ความอ่อนวัยกลับไปด้วย”

“วันนี้จำนวนลูกค้าที่เป็นผู้ชายที่เข้ารับบริการกับทางคลินิกของเรามีถึง 40% เลยก็ว่าได้ค่ะ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะชื่อของคลินิก การตกแต่ง รวมไปถึงการดูแลรักษาของเรา ที่มีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างมาก และจุดเด่นอีกอย่างของคลินิกเรา ไม่ต้องมานั่งรอคิวเยอะๆ และไม่มีเซลล์มารบกวนลูกค้าเลย เราจะทำนัดลูกค้าทุกคน พอมาถึงคลินิก ก็เข้าห้องรักษาเลย เสร็จแล้วก็กลับบ้านค่ะ” เรียกว่าตอกย้ำถึงความเป็นส่วนตัวอย่างเห็นได้ชัด
ประเด็นความยากง่ายการรักษา หมอแยมเล่าว่า การดูแลรักษาผู้ชายก็ยากเหมือนกัน “ช่วงแรก ๆ ยากมากค่ะ ยิ่งผู้ชายที่ไม่เคยเข้ารับบริการด้านความงามมาก่อน ก็ยากมาก เพราะเขาจะรู้สึกว่า ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร และยิ่งกว่านั้น ผู้ชายเป็นคนกลัวเจ็บ กลัวเข็ม ต่างจากผู้หญิงที่มีความอดทน โดยเฉพาะการอดทนเพื่อความสวย แต่พอผู้ชายได้ทำไปแล้ว เขาก็จะรู้สึกดี และไม่ทำให้เขาดูเปลี่ยนแปลงเยอะ มีความเป็นธรรมชาติ ทำให้รู้สึกมั่นใจ” หมอแยม บอกด้วยว่า หลังจากที่ผู้ชายเปิดใจกับสิ่งใหม่แล้ว เขาก็จะเป็นคนตัดสินใจเองว่า จะทำโปรแกรมอะไรต่อไป โดยที่ทางคลินิกไม่ต้องนำเสนอโปรแกรมอะไรเลย
ไม่ว่าจะเป็น เซเลบริตี้ หรือ ดารานักแสดง รวมถึงคนดังในแวดวงต่างๆ หากเข้ามารับบริการในคลินิก สิ่งหนึ่งที่จะไม่เจอเลยคือ การถ่ายภาพ เพื่อไปทำโฆษณา หรือแม้แต่การขายคอร์ส ขายโปรแกรม “เพราะเราไม่ทำการตลาดแบบนั้นอยู่แล้ว ยิ่งการถ่ายภาพ Before & After เรารู้สึกว่าเหมือนเป็นการทำภาพให้ดูเกินจริง ทางคลินิกของเราจึงเน้นทำให้ลูกค้าเห็นผลกันจริงๆ เลยดีกว่า แล้วแนะนำเป็นคอนเนคชั่นแบบบอกต่อกันไป”


อีกสิ่งหนึ่งที่หมอแยม ทำมาตลอดคือ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง “หมอจะเป็นคนบอกลูกค้าเองว่า เขาควรทำอะไร และดูแลจุดใดเป็นพิเศษ ขณะที่เทียบกับคลินิกอื่น ก็จะเป็นการปรึกษากับเซลล์ที่ไม่ได้จบแพทย์ หรือ พยาบาล บางทีมีการบอกคอร์สผิด ก็มาขายคอร์สเพิ่มให้ลูกค้า ทำให้สิ้นเปลือง และสร้างความสับสนให้กับลูกค้า เราเลยเน้นไปที่ การให้คำปรึกษากับลูกค้าโดยตรง เพราะเราเองก็เป็นแพทย์อยู่แล้ว จะตอบคำถามลูกค้าเองหมด แม้แต่ในไลน์ หมอก็จะเป็นแอดมิน คุยกับลูกค้าโดยตรง”
เชื่อหรือไม่ โทมัส คลินิก ไม่เคยลงโฆษณาในสื่อเลย นอกเสียจากมีสื่อเข้ามาสัมภาษณ์เอง “เนื่องจากเรามีฐานลูกค้าเป็นแบบไพรเวท วีไอพี หากเราไปลงโฆษณา ลูกค้าก็จะไปดูที่ราคาเป็นหลัก และเขาก็จะไม่ได้รู้จักเราจริงๆ ส่งผลให้เกิดความยากในการทำงาน ไปจนถึงต้นทุนค่าใช้จ่าย” ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา หมอแยม เล่าว่า ทางคลินิกแทบไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลยจากวิกฤต ขณะที่บางคลินิก มุ่งแต่จะลงโฆษณา แล้วสู้กันที่ราคาว่า ใครถูกกว่ากัน “ยิ่งเราไม่มีเซลล์ ก็ไม่ต้องแบ่งรายได้ 20-30% ให้เซลล์ และเราก็สามารถลดราคาให้กับลูกค้าได้เอง ที่สำคัญเราไม่ได้ตั้งราคาสูงเกินไป ทำให้ลูกค้ามักกลับมารักษากับเราอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจของลูกค้าที่ให้กับเราค่ะ”


“เพราะเรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราอยากเป็นนักธุรกิจ ก็คงจะไปประกอบอาชีพอื่นดีกว่า แต่เรามองว่า เราเกิดมาเป็นแพทย์แล้ว เราก็อยากทำหน้าที่แพทย์ให้ดีที่สุด จนถึงวันสุดท้ายของชีวิต ซึ่งทำให้เรารู้สึกดี และภูมิใจในตัวเองมากที่สุด”
หมอแยม ยังเล่าด้วยว่า แผนการ และแนวคิดที่เธอวางไว้เหล่านี้ ยังทำให้เธอ รู้สึกถึงความสมดุลในชีวิต “เรียกว่า เวิร์คไลฟ์บาลานซ์ ของเราในวันนี้ดีทุกอย่าง มีเวลาส่วนตัวมากพอ ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ เช่นการทำบุญ หรือออกงานสังคม พบเพื่อนฝูง ขณะเดียวกันเรายังมีเวลาที่จะได้ดูแลลูกค้าด้วย เพราะวันนี้ การทำงาน ถือเป็นความสุขของเราจริงๆ”


กระนั้นก็ตาม ด้วยการได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ในเร็วๆ นี้ ไม่แน่ว่า อาจจะได้เห็นภาพของหมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร บนเส้นทางการเติบโตที่จะสร้างชีวิตดีๆ ให้กับทุก ๆ คน ผู้สนใจดูแลสุขภาพผิวพรรณ หรือ มีปัญหาด้านสุขภาพ สามารถปรึกษา หมอแยม-พญ.รุ่งไพลิน รัตนชีวร ได้ที่ THOMAS CLINIC ชั้น 2 อาคารฟิฟตี้ฟิฟ ทองหล่อ ปากซอยทองหล่อซอย 2 สุขุมวิท 55 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110 หรือ โทรศัพท์ 0635569669 หรือ ที่ IG :@ThomasClinic และ Facebook: Thomas Clinic (@thomasclinic.thonglor)