บำรุงราษฎร์ ประกาศความสำเร็จในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ ส่งมอบผลลัพธ์ทางการรักษาเชิงบวก สร้างความพึงพอใจให้ผู้ป่วยกว่า 70 – 95%
บำรุงราษฎร์ ประกาศความสำเร็จในการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ ส่งมอบผลลัพธ์ทางการรักษาเชิงบวก สร้างความพึงพอใจให้ผู้ป่วยกว่า 70 – 95%
ปัจจุบันนวัตกรรมทางการแพทย์มีความก้าวหน้าอย่างมาก การศึกษาวิจัยด้านการแพทย์ยังเดินหน้าคิดค้นพัฒนาเทคโนโลยีการรักษาแบบแผลเล็กอย่างต่อเนื่อง (Minimally Invasive Surgery) เพื่อให้อวัยวะได้รับความเสียหายน้อยที่สุดจากการผ่าตัดแผลเล็กหรือจากการรักษาด้วยเทคนิคต่างๆ โดยแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยได้รับความเจ็บปวดน้อยลง รักษาตัวในโรงพยาบาลสั้นลง และเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลง ขณะเดียวกันก็คำนึงถึงประสิทธิภาพในการรักษาควบคู่กันไปด้วย
ภญ. อาทิรัตน์ จารุกิจพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เปิดเผยว่า “บำรุงราษฎร์ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับคุณภาพมาตรฐานเพื่อประสิทธิภาพการรักษาที่ดียิ่งขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งหนึ่งในวิสัยทัศน์คือการนำเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ในบำรุงราษฎร์เพื่อให้ผู้ป่วยในประเทศไทยสามารถเข้าถึงการรักษาที่ตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างครอบคลุม ภายใต้การรักษาที่มีประสิทธิภาพของทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ พยาบาล และสหสาขาวิชาชีพ ที่ทำงานร่วมกับเป็นทีมอย่างมืออาชีพ และล่าสุดศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ได้นำเทคโนโลยีในการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ (Water Vapor Therapy) โดยไม่ต้องผ่าตัด เข้ามาใช้รักษาผู้ป่วยเป็นครั้งแรกในประเทศไทย เมื่อต้นเดือนกันยายน 2564 ซึ่งได้ผลตอบรับจากผู้ป่วยในระดับที่ดีและมีผลการรักษาเป็นที่น่าพอใจ”
นพ. วิโรจน์ ชดช้อย หัวหน้าศูนย์ทางเดินปัสสาวะ และแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวว่า “ปัจจุบัน มีผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตรักษาด้วยไอน้ำ จำนวน 65 ราย มีอายุระหว่าง 60 – 80 ปี ที่เข้ารับการรักษาในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา ผู้ป่วยรู้สึกพึงพอใจผลการรักษาในระดับสูง ร้อยละ 70 – 95 ซึ่งแพทย์ได้มีการนัดติดตามผล จำนวน 53 ราย เพื่อประเมินผลลัพธ์หลังการรักษา 1 เดือน โดยภาพรวมการปัสสาวะของผู้ป่วยดีขึ้น ประกอบด้วย ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะพุ่งแรงขึ้น และมีอัตราพุ่งแรงสูงสุดขณะปัสสาวะ เทียบระหว่างก่อนการรักษาอยู่ที่ 10.6 มิลลิลิตร/วินาที และหลังการรักษาเพิ่มขึ้นเป็น 22.5 มิลลิลิตร/วินาที, ผู้ป่วยรู้สึกปัสสาวะสุด โดยมีปริมาตรปัสสาวะคงเหลือลดลงเกือบ 3 เท่า (หรือ 90.7 -> 36.3 มิลลิลิตร) และมีปริมาณปัสสาวะในแต่ละครั้งมากขึ้นจากเดิมอยู่ที่ 194 เพิ่มขึ้นเป็น 288 มิลลิลิตร, มีการเสียเลือดในปริมาณน้อยมาก คือ 0-10 มิลลิลิตร ซึ่งการรักษาด้วยวิธีนี้จะเห็นผลชัดเจนหลังเข้ารับการรักษา 1 เดือน และเห็นผลสูงสุดตั้งแต่เดือนที่ 3 หลังจากการรักษา”
ผลลัพธ์การรักษาในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวความสำเร็จของบำรุงราษฎร์ในการรักษาผู้ป่วยโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ ซึ่งถือเป็นการรักษาครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็นนวัตกรรมการแพทย์สมัยใหม่ที่ใช้กระบวนการรักษาเพียง 10 – 15 นาที โดยที่ผู้ป่วยไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ฟื้นตัวเร็ว มีความเสี่ยงต่ำ อวัยวะบอบช้ำน้อยทำให้สามารถกลับมาสู่สภาพทางสรีรวิทยาและกลับมาใช้งานได้เป็นปกติมากที่สุด และไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพทางเพศหรือส่งผลน้อยมาก ที่สำคัญ วิธีนี้ยังสามารถใช้ได้กับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน หรือโรคอ้วน อีกด้วย
โดยปัจจัยหลักๆ 3 ประการ ที่ทำให้ผู้ป่วยตัดสินใจเข้ารับการรักษาโรคต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ ประกอบด้วย
1. เชื่อมั่นความชำนาญการและประสบการณ์ของทีมแพทย์ในการรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยวิธีไอน้ำ โดยแพทย์ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์ทางเดินปัสสาวะจะเป็นผู้ให้ข้อมูลและตอบข้อสงสัยอย่างละเอียดก่อนการรักษาเพื่อประกอบการตัดสินใจ โดยแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาคัดเลือกผู้ป่วยที่เหมาะกับการรักษาด้วยวิธีนี้
2. ไว้วางใจการทำงานเป็นทีมที่ดีและมีประสิทธิภาพ โดยผู้ป่วยและครอบครัวผู้ป่วยจะรู้สึกเชื่อมั่น เมื่อเห็นถึงการทำงานของแพทย์และทีมที่ใส่ใจในรายละเอียดของผู้ป่วย โดยศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ถือเป็นหนึ่งในศูนย์ความเป็นเลิศ (Center of Excellence) ประกอบด้วยแพทย์เฉพาะทางผู้ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยาที่มีประสบการณ์เป็นผู้ทำหัตถการ พยาบาล เภสัชกร และทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีความรู้และความชำนาญ พร้อมให้การดูแลผู้ป่วยตลอดระยะเวลาการรักษา รวมถึงติดตามผลหลังจากการรักษาเพื่อให้มั่นใจว่าผู้ป่วยได้รับผลลัพธ์การรักษาที่ดีที่สุด
3. มั่นใจในชื่อเสียงและมาตรฐานการรักษาของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ซึ่งให้การดูแลรักษาที่ครอบคลุม โดยเฉพาะด้านประสิทธิภาพในการรักษาเทียบเท่ามาตรฐานสากลและได้รับการยอมรับในระดับโลก รวมถึงพิจารณาจากผู้ป่วยทั่วโลกที่นิยมเดินทางเข้ามารักษาที่บำรุงราษฎร์เป็นจำนวนมาก
นพ. ธีระพล อมรเวชสุกิจ แพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทางด้านศัลยศาสตร์ยูโรวิทยา โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวปิดท้ายว่า ศูนย์ทางเดินปัสสาวะเชื่อมั่นว่าหลังจากสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลง จะมีผู้ที่มีอาการปัสสาวะไม่พุ่ง ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้ ตื่นปัสสาวะบ่อยตอนกลางคืน ปัสสาวะเสร็จแล้วแต่รู้สึกไม่สุด หรือมีอาการต่างๆ เกี่ยวกับต่อมลูกหมาก เข้ามารับการรักษาที่บำรุงราษฎร์มากยิ่งขึ้น เนื่องจากปัญหาต่างๆ นี้ ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยขอยกตัวอย่างผู้ป่วยจำนวนหนึ่งได้แบ่งปันความรู้สึกหลังการรักษาว่า
· ผู้ป่วยรายหนึ่งออกกำลังกายด้วยการวิ่ง แล้วต้องคอยแวะเข้าห้องน้ำตลอดเวลา แต่ทุกวันนี้เขากังวลกับเรื่องนี้น้อยลง และทำให้เขาวิ่งได้ระยะไกลขึ้นอย่างสบายใจ
· ผู้ป่วยรายหนึ่งเคยรักษาด้วยวิธีกินยาแต่ก็ไม่ค่อยเห็นผลเท่าที่ควร แต่หลังจากเข้ารักษาด้วยเทคโนโลยีไอน้ำ ทำให้ไม่ต้องพะว้าพะวงกับการปัสสาวะอีกต่อไป
· ผู้ป่วยบางรายใช้เวลาในการเข้าห้องน้ำนานถึง 5 – 10 นาที เพราะปัสสาวะไหลแผ่ว ไม่ต่อเนื่องและรู้สึกไม่สุดสักที แต่วันนี้เขาสามารถใช้เวลาเข้าห้องน้ำเหมือนคนปกติอีกครั้ง
ที่ผ่านมา ศูนย์ทางเดินปัสสาวะ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ไม่เคยหยุดพัฒนาและมุ่งยกระดับการรักษาในทุกปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก มะเร็งต่อมลูกหมาก รวมถึงโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะเพศทั้งชายและหญิงได้อย่างครอบคลุมและมีประสิทธิภาพ ปัจจุบัน ศูนย์ทางเดินปัสสาวะมีแพทย์ชำนาญการรวมกว่า 25 ท่าน สามารถวิเคราะห์โรคและให้ข้อมูลได้อย่างถูกต้องแม่นยำ ทันท่วงที พร้อมเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ และบุคลากรที่ทุ่มเทและใส่ใจในการรักษาโดยคำนึงถึงผู้ป่วยเป็นหัวใจสำคัญ
——————————————————–